ผมจะไม่พูดถึงวงไหมไทย ก่อนนะครับ เนื่องมาจากเป็นวงที่ผมสามารถเขียนถึงได้อีกหนึ่งบทความเต็มๆ จึงขอหยุดเรื่องวงไหมไทยไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน ผมจะเล่าถึงการตกหลุมรักบทเพลงของวง The Square ฟิวชั่น แจ๊ส แบนด์ ระดับตำนานของญี่ปุ่นล้วนๆเท่านั้น
จำได้ว่าสมัยก่อนวงดนตรีประจำโรงเรียน เคยเล่นบทเพลงนึงซึ่งผมฟังแล้วรู้สึกดีมากๆ มันเป็นเพลงที่ให้บรรยากาศที่สนุกสนาน ผมฟังเพลงนี้ครั้งแรกตอน มัธยมปีที่สี่ บทเพลงอื่นที่ เอซี แบนด์เล่น ถึงมันจะเพราะยังไง ผมก็ไม่เคยรู้สึกอยากจะรู้ว่าเพลงนี้ชื่ออะไร จนมาเจอเพลงนี้เข้า ทุกท่อนของบทเพลงนี้แฝงไปด้วยพลัง ไลน์ประสานเสียงที่เข้าออกอย่างเหมาะเจาะ ช่วงโซโลกีต้าร์พริ้วไหวอย่างมีชั้นเชิง (แต่เวอร์ชั่นที่ผมฟังเป็นเครื่องเป่าล้วนๆ) ผมฮัมเพลงนี้ในปากวนไปวนมาหลายรอบ แล้วรีบวิ่งไปหาเพื่อนที่เป็นนักดนตรีเมื่อเล่นจบ สอบถามทันทีว่า ไอ้เพลงที่ผมฮัมอยู่เนี่ยชื่ออะไร ก่อนจะได้คำตอบเพื่อนผมมันยิ้ม (ไอ้นี่ชื่อ อ๊อด เล่น อัลโต แซ็คโซโฟน) มันบอกว่า "Omens of Love" ผมก็ถามต่อไปว่าใครร้องเหรอเพลงนี้ มันก็หัวเราะแล้วบอกว่า เพลงนี้ไม่มีคนร้องนะ มันเป็นเพลงบรรเลง แล้วมันก็บอกชื่อวงให้ผมทราบว่า ชื่อ "The Square"
ผมมานึกอยากได้เพลงนี้เก็บไว้เปิดไปมาหลายๆรอบเพื่อฟังที่บ้าน ผมก็เลยถามมันว่า "มึงมีเทปให้กูดั๊บไหม" คำตอบคือไม่มี ผมเลยตั้งเป้าไว้ว่าเย็นๆนี้หลังจากเลิกเรียนแล้ว ผมจะลองแวะไปที่ห้าง เซ็นทรัล สีลม (ตอนนี้ปิดไปแล้ว) หากใครอายุราวๆผม จะพอเข้าใจว่าทำไมผมถึง ไปแผนกเพลงของเซ็นทรัลสมัยนั้น ก็เพราะสมัยนั้น เซ็นทรัล เป็นแหล่งที่มีเทป และแผ่นเสียง แปลกๆให้เลือกซื้อเยอะที่สุดแล้ว การไปครั้งนั้นของผมต้องพบกับความผิดหวัง เพราะคนขายบอกว่าเขาไม่รู้จักวงนี้ ผมเลยเบนเข็มไปที่ เซ็นทรัล ชิดลม (วันต่อมา) แต่ก็ไม่พบเช่นกัน ผมวิ่งไปทุกแหล่งที่คิดว่าน่าจะมีเทปเพลงของวงนี้ขายอยู่บ้าง แต่คำตอบที่ได้มา คือ ไม่มี
ผมเริ่มท้อใจในการหาเพลงนี้แล้ว หลังจากใช้ความพยายามอยู่ร่วมสามเดือน แต่แล้วคำว่า Labor Omnia Vincit (ทุกสิ่งทุกอย่างเอาชนะได้ด้วยความพยายาม) ที่อยู่ใต้โล่ห์ ของคณะเซนต์คาเบรียล ก็เป็นจริง ผมเจอจนได้ มันวางขายอยู่ในร้านโซล่า เฮ้าส์ที่สยาม "ผมได้แล้ว ๆ" เทปเพลงสมัยก่อนที่เป็นลิขสิทธิ์ ราคาขายจะอยู่ราวๆ เจ็ดสิบกว่าบาท ซึ่งก็หนักหนาเอาการอยู่สำหรับค่าขนมของผม แต่ผมก็ไม่ลังเลที่จะซื้อ เพราะสิ่งที่ผมตามหามาสักพัก จนเกือบจะเลิกหาแล้ว มันโผล่มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

หน้าปกของชุดนี้จะมีลักษณะเดียวทั้งเทป และ ซีดี(ที่ออกมาทีหลัง) ชื่อชุดคือ รีสอร์ท (RESORT) เพลงทั้งหมดที่บรรจุอยู่ในชุดนี้มี 9 เพลง ที่ผมจำได้แม่นๆแบบไม่ต้องกลับไปเปิดโพย ก็มี Omens of Love, In the Grid, Prime และ Forgotten Saga ส่วนเพลงที่เหลือผมก็ชอบนะครับ แต่พอดีผมจำชื่อไม่ได้หมด สิ่งที่ผมได้รับหลังจากการฟังชุดนี้แล้วก็คือ "การเปิดโลกดนตรีอย่างใหม่" ให้กับผม สารภาพตามตรงว่า ก่อนมาฟังเพลงของ The Square ผมชอบวงดนตรีไทย มาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้ง Butterfly, Grand Ex', The Innocent รวมทั้งคาราบาวด้วย ทุกวงมีเอกลักษณ์ของตนเอง อย่างเช่น บัตเตอร์ฟลาย จะเป็นวงดนตรีที่มีจินตนาการในการนำเสนอและรูปแบบดนตรีที่ค่อนข้างจะหลุดโลก แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ แกรนด์เอ็กซ์สำหรับผม คือ เพลงหวาน ซึ้งกินใจ ถือเป็นเพลง แสตนดาร์ด แต่การฟัง ดนตรีแนว The Square มันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยฟัง ผมเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า เพลงแนวนี้มีนิยามว่ายังไง รู้แต่ว่าฟังแล้วรู้สึกหัวมันโปร่ง เราไหลไปตามเพลงได้ โดยที่ไม่ต้องมีเนื้อร้อง ท่วงทำนองของเพลงกำหนดความเป็นไปของจิตใจได้เลย โดยไม่ต้องอาศัยเนื้อร้อง สำหรับผม (ตอนมัธยมสี่) แล้ว ดนตรีแนว ฟิวชั่นแจ๊ส เป็นการทำให้ผมได้รู้จักด้านใหม่ๆของดนตรีสิ่งที่ผมได้มาพบอีกประการหนึ่งในงานชุดนี้ก็คือ เพลง Forgotten Saga เพลงหวานและสวยเพลงหนึ่งเท่าที่ผมเคยฟังมา ได้มีวงดนตรีไทยเอาทำนองมาใช้และใส่เนื้อร้องไปแล้ว พอได้ฟังท่อนแรกของ Forgotten Saga ผมก็อุทานกับตัวเองว่า "อ้าวเฮ้ย นี่มันเพลงกระดาษขาวนี่หว่า" หากใครพอจะรู้จักวงดินสอดำ สมัยกระโน้น ที่มีคุณ กริช ธอมมัส ร่วมวงอยู่ คงเคยได้ยินเพลงที่ร้องว่า "จากใจความถอดไว้ ใส่บนความขาวของกระดาษ ลายมือไม่สะอาดอย่าสนใจ......" เพลงนี้เป็นเพลงที่ใช้ในโฆษณาขายเทปของวงนี้ด้วย กลายเป็นว่า ผมรู้จักเพลง Forgotten Saga ก่อนจะรู้จักต้นฉบับ โดยผ่านเพลง กระดาษขาว นี่เอง
ผมจะไม่บรรยายว่าเพลง ฟิวชั่น แจ๊ส เป็นอย่างไร เพราะของแบบนี้อธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ ถ้าอยากรู้จักเพลง ต้องฟังอย่างเดียวเท่านั้น การให้นิยามมันเป็นแค่ทฤษฎี แต่ที่สำคัญที่สุดคือคุณต้อง "Feel" เพลง ไม่ใช่แค่ฟัง
จริงๆเมืองไทยก็มีวงดนตรีที่ทำงานแนวฟิวชั่น แจ๊ส ออกมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานมาก อยู่วงหนึ่ง คือ วง ดิ อินฟินิตี้ ที่มีนักดนตรี ชั้นเซียนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น คุณ ศรายุทธ สุปัญโญ คุณ ชุมพล สุปัญโญ คุณ โก้ เสกพล อุ่นสำราญ(ลาออกแล้ว) ฯลฯ ซึ่งมีงานออกมาให้คนไทยได้ฟังอยู่เสมอ แต่เนื่องด้วยแนวเพลงนี้ไม่ค่อยได้รับการโปรโมท อีกทั้งนักดนตรีหน้าตาไม่หล่อ เลยทำให้วงนี้คงไม่เป็นที่คุ้นหูของเด็กรุ่นใหม่ หรือ ผู้ใหญ่หลายๆคน และหลายๆครั้ง วงอินฟินิตี้ ก็ทำงานออกมาในแบบไม่เอาใจตลาดเลย อย่างเช่น ชุด Together ที่หน้าปกเป็นรูป ช้อนกับส้อม สังกัด โซนี่ ไทย ก็มีเพลงร้องเป็นภาษาอังกฤษล้วนทั้งชุด
หลังจากเบิกฤกษ์ด้วยชุดนี้แล้วผมก็ติดตามงานของ T-Sqaure มาตลอด ในบ้านตอนนี้มีมากกว่าสิบห้าชุด ผมไม่ได้เก็บครบทุกชุด แต่ก็เก็บมากพอที่จะฟังได้อย่างที่ผมคิดว่า ผมเข้าใจว่าวงนี้ทำงานเพลงแบบไหน การเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวง ทำให้แนวทางของเพลงเปลี่ยนไปอย่างไร นอกจากติดตามงานเพลงของ T-Square แล้ว ผลงานเดี่ยว ของสมาชิกในวง อย่าง มาซาฮิโระ อันโดะ (หัวหน้าวง) ผมก็ซื้อมาทั้ง ชุด Andy's และ เพลงที่ทำให้กับเกมส์ยักษ์ใหญ่ อย่าง แกรนทัวริสโม่ (GT) ผมอยากบอกว่าไลน์กีต้าร์ของ อันโดะ มีเอกลักษณ์ อาจไม่หวือหวามาก แต่ในความมีระเบียบก็แฝงความปั่นป่วนและกระชากอารมณ์คนฟังให้ขึ้นสูง หรือลงต่ำได้อย่างมีชั้นเชิงทีเดียว
T-Square ในความทรงจำของผมและคิดว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการรวมตัวกันของวงนี้ จะอยู่ราวๆปี 1991-1998 ที่มี
มาซาฮิโระ อันโดะ เล่นกีต้าร์
ฮิโรทากะ อิซูมิ เล่นเปียโน
ฮิโรยุกิ โนริตาเกะ เล่นกลอง หรือ เครื่องเคาะจังหวะ
มิตซูระ ซูโตะ เล่น เบสกีต้าร์
และ มาซาโตะ ฮอนดะ เล่นแซ็กโซโฟน จริงๆ จะมีเทด นัมบะ เข้ามามีบทบาทในช่วงหลังมากขึ้น (แซ็คฯที่มาแทน ฮอนดะ) แต่ผมกลับไม่ค่อยจะชอบแนวของชายร่างใหญ่คนนี้เท่ากับ ฮอนดะ
The Square เป็นเหมือนวงดนตรีที่เปิดโลกทัศน์ในการฟังดนตรีให้กับผม เป็นวงที่มีอิทธิพลต่อการฟังแนวสกา ฯลฯ ที่สำคัญที่สุดวงนี้ได้บอกผมว่า "อย่าหยุดที่จะทำความเข้าใจกับดนตรี มันยังมีอะไรที่คุณยังไม่รู้ ไม่ได้ฟังอีกมาก ถ้าคุณเปิดใจลองฟังดู คุณจะมีทางเลือกมากขึ้น ฟังแล้วไม่ชอบ ก็ไม่ต้องฟัง แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณได้ให้โอกาสกับตัวเองในการพบเจอสิ่งใหม่ๆ บ้างหรือยัง"
เข้ามาอ่านครับ พอดีผมชอบทั้ง T-squre และ อ.ดนู เหมือนกับคุณเลย :)
ตอบลบ